Thursday, February 26, 2009

ความหมายและคำอธิบายของคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์

จงหาความหมายและคำอธิบายของคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ต่อไปนี้

1.e-mailE-mail คือ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เป็นการส่งข้อความจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง มีระบบการกำหนดแอดเดรส เช่น บนอินเทอร์เน็ต มีแอดเดรสเป็นชื่อโฮสต์คอมพิวเตอร์ โดยใช้ระบบชื่อโดเมน เช่น bu.ac.th หากผู้ใช้เป็นผู้หนึ่งที่อยู่บนโฮสต์ก็จะมีชื่อบัญชี (account) หรือยูสเซอร์เนมประกอบอยู่ด้วย เช่น HelpDesk@bu.ac.th การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เป็นวิธีการส่งเหมือนจดหมายจริง โดยจะไปเก็บไว้ในเมล์บ็อกซ์ของผู้รับปลายทาง รอจนกว่าผู้รับปลายทางจะมาเปิดเมล์บ็อกซ์นำจดหมายไป


2.e-bankingธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Banking) คือ การให้บริการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ผ่านอุปกรณ์หรือ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น อินเตอร์เน็ต หรือ Note Book Computer โทรศัพท์มือถือ ในปัจจุบันธนาคารต่างๆ มีบริการให้ลูกค้าของธนาคารเลือกใช้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการใช้บัตร ATM, บัตรเครดิต, อินเตอร์เน็ต แบ็งค์กิ้ง, ธนาคารผ่านอินเตอร์เน็ต หรือแม้แต่ m-Banking การติดต่อธนาคารโดยผ่านโทรศัพท์มือถือ (www.scbeasy.com) นอกจากนี้ ยังมีการใช้การแลกเปลี่ยนเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Interchange : EDI) เช่น ตัวอย่างของบริษัท Dakota Imaging มีการนำเอาระบบ EDI มาใช้เพื่อจัดการเอกสารและภาพกราฟฟิกส์บนเว็บไซต์ และยังรวมไปถึงนำมาช่วยในเรื่องการบริการเกี่ยวกับการประกันสุขภาพ, การบริการด้านการเงิน, ตลอดจนถึงการนำมาใช้ในด้านการโอนเงินผ่านธนาคาร (Electronic Fund Transfer :EFT) อีกด้วย e-banking อาจจะเรียกชื่ออื่น อาทิเช่น· ธนาคารอินเทอร์เน็ต (Internet Banking)· ธนาคารออนไลน์ (Online Banking)· ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Banking)· ธนาคารไซเบอร์ (Cyber Banking) เป็นต้นประเภทของอีแบงค์กิ้งอาจแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ1. ให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ต2. ให้บริการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่น

3.e-exhibitionE-Exhibition คือ การจัดทำนิทรรศการบน Web Site หรือ ห้องนิทรรศการ Online ใช้ในการนำเสนอองค์ความรู้ ห้องแสดงผลงาน หรือนำเสนอสินค้า· นิทรรศการอิเล็กทรอนิกส์ (E-Exhibition) หมายถึง การจำลอง หรือจัดแสดง เนื้อหาสาระหรือความรู้ในรูปแบบนิทรรศการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้จัดทำว่าต้องการจะนำเสนอเนื้อหาสาระใด ในการนำเสนอนั้น มีวิธีการ คือ จัดเก็บองค์ประกอบของเนื้อหาเป็น ข้อความ ภาพ หรือเสียง· นิทรรศการอิเล็กทรอนิกส์ เป็นสื่อการเรียนรู้ประเภทหนึ่ง มีลักษณะเป็นสื่อผสม ที่ใช้วิธีการนำเอาเนื้อหาสาระหรือความรู้มานำเสนอไว้ให้ผู้ชมได้รับชมเพื่อสร้างทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน ซึ่งปัจจุบันนิทรรศการอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเครื่องมือการสื่อสารที่ได้รับความสนใจ และมีบทบาทมากขึ้นทุกขณะ ทั้งในด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ ธุรกิจ สังคม การเมือง อุตสาหกรรม การแพทย์ สาธารณสุข และอื่น ๆ · นิทรรศการอิเล็กทรอนิกส์ เป็นวิธีการนำเสนอองค์ความรู้ที่ใช้กุศโลบายอันแยบยล ในการกระตุ้นให้ผู้ชมเกิดความสนใจใคร่รู้ในเรื่องราวสาระ และแนวความคิด ทั้งยังเป็นเป็นวิธีที่สามารถสร้างโอกาสของการเห็นการรับชมได้ง่าย เป็นอัตโนมัติ มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และการเรียนรู้บางอย่างที่เกินปกติวิสัยที่จะมีโอกาสเช่นนั้น· เสน่ห์ของนิทรรศการอิเล็กทรอนิกส์อยู่ที่ความพิเศษ ถ่ายทอดความเป็นไปต่าง ๆ ของสิ่งที่ต้องการแสดง ให้ผู้ชมได้เห็น ได้เข้าใจอย่างแจ่มชัด รวดเร็ว และเพลิดเพลินด้วย ทั้งยังเป็นที่รวมของความก้าวหน้า อันจะเป็นแนว ปฏิบัติในการเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ พร้อมทั้งเห็นทางแก้ ไขด้วย

4.e-advertisingโฆษณาอิเล็กทรอนิกส์ (E-Advertising) เป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการผ่านมัลติมีเดียในรูปแบบของป้ายแบนเนอร์ เรามักจะพบป้ายแบนเนอร์ที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แนวตั้ง หรือแนวนอนในหน้า Homepage ของเวบไซต์ซึ่งการเช่าพื้นที่และตำแหน่งที่จะลงโฆษณามีราคาแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความนิยมของเวบไซต์นั้นๆ นอกจากนั้นยังมีโฆษณาหน้าต่างแทรก (Pop-up) ที่มักปรากฎขึ้นอัตโนมัติเมื่อเวลาที่เราเปิดหน้าเวบขึ้นมา โฆษณาแบบหน้าต่างแทรกเป็นเครื่องมือกึ่งบังคับให้ผู้ชมรับรู้ข่าวสารและอาจสร้างความรำคาญได้

5.e-newsE-News : ระบบข่าวอิเล็กทรอนิกส์ปัจจุบันหลาย ๆ องค์กรได้มีการนำอีเมล์ เข้ามาใช้ในการติดต่อสื่อสารกันมากขึ้น และอีเมล์ได้กลายมาเป็นอีกช่องทางการสื่อสารที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีความสะดวก รวดเร็ว ง่ายต่อการใช้งาน รวมถึงประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการติดต่อสื่อสาร E-News คือระบบระบบโปรแกรมสำหรับส่งข้อมูลข่าวสาร ต่าง ๆ ให้กับสมาชิก ผ่านทางอีเมล์ โดยระบบโปรแกรมสามารถบริหารและจัดการข้อมูลต่าง ๆ ผ่าน WEB Browser ได้อย่างง่าย ตั้งแต่ขบวนการสร้างกลุ่มของผู้รับข่าวสาร การสร้างเอกสารออนไลน์เพื่อจัดส่งให้กับสมาชิกอย่างง่ายด้วยเครื่องมือเฉพาะ รวมถึงระบบโปรแกรมในการส่งข้อมูลที่เป็นลักษณะของ One-to-One ( ผู้ใช้หนึ่งคนส่งถึงผู้ใช้อีกหนึ่งคน) ซึ่งจะสร้างความรู้สึกที่ดีให้กับผู้ที่ได้รับข้อมูลข่าวสาร

6.e-paymentE- Pay หรือ Electronic Payment คือ บริการระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ระดับ "ธุรกิจต่อธุรกิจ"(B2B)บริการแรกของประเทศไทยซึ่งท่านสามารถสั่งชำระเงินผ่านทางเครื่องคอมพิวเตอร์จากสำนักงานของท่านไปยังคู่ค้าของท่านได้ด้วยระบบคอมพิวเตอร์จากสำนักงานของท่านไปยังคู่ค้าของท่านได้ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์โดยท่านและคู่ค้าไม่จำเป็นต้องมีบัญชีอยู่ภายใต้ธนาคารเดียวกัน บริการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดขั้นตอนและ กระบวนการที่ยุ่งยากในการชำระเงินให้สะดวกรวดเร็วขึ้นช่วยลดต้นทุนประหยัดเวลาและข้อผิดพลาดในการดำเนินงานอำนวยให้สามารถชำระเงินได้ตรงตามเวลาลดค่าปรับอันเนื่องมาจากการชำระเงินล่าช้าและท่านจะได้รับข้อความยืนยันจากทางธนาคารผ่านทางเครื่องคอมพิวเตอร์ของท่านภายในระยะเวลาอันรวดเร็วหลังจากผู้สั่งชำระเงินทำรายการเสร็จสิ้นในลักษณะ Real Timeทั้งยังถูกพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลขั้นสูงสุด ซึ่งมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากลเราจึงมั่นใจว่าจะไม่มีผู้ใดสามารถแอบเปิดดู ปลอมแปลงหรือแก้ไขข้อมูลต่างๆที่ส่งผ่านระบบ E-Payได้ด้วยความร่วมมือของธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ 4 ธนาคารได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทยธนาคารทหารไทยธนาคารไทยธนาคารในการพัฒนาบริการเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ต่างธนาคารได้ซึ่งการพัฒนาระบบการชำระเงินดังกล่าวภายใต้ชื่อบริการ "E - Pay"

7.e-learninge-Learning คือ การเรียน การสอนในลักษณะ หรือรูปแบบใดก็ได้ ซึ่งการถ่ายทอดเนื้อหานั้น กระทำผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ซีดีรอม เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซทราเน็ต หรือ ทางสัญญาณโทรทัศน์ หรือ สัญญาณดาวเทียม (Satellite) ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งการเรียนลักษณะนี้ได้มีการนำเข้าสู่ตลาดเมืองไทยในระยะหนึ่งแล้ว เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอนด้วยซีดีรอม, การเรียนการสอนบนเว็บ (Web-Based Learning), การเรียนออนไลน์ (On-line Learning) การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ การเรียนด้วยวีดีโอผ่านออนไลน์ เป็นต้น ในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มักจะใช้คำว่า e-Learning กับการเรียน การสอน หรือการอบรม ที่ใช้เทคโนโลยีของเว็บ (Web Based Technology) ในการถ่ายทอดเนื้อหา รวมถึงเทคโนโลยีระบบการจัดการหลักสูตร (Course Management System) ในการบริหารจัดการงานสอนด้านต่างๆ โดยผู้เรียนที่เรียนด้วยระบบ e-Learning นี้สามารถศึกษาเนื้อหาในลักษณะออนไลน์ หรือ จากแผ่นซีดี-รอม ก็ได้ และที่สำคัญอีกส่วนคือ เนื้อหาต่างๆ ของ e-Learning สามารถนำเสนอโดยอาศัยเทคโนโลยีมัลติมีเดีย (Multimedia Technology) และเทคโนโลยีเชิงโต้ตอบ (Interactive Technology)คำว่า e-Learning นั้นมีคำที่ใช้ได้ใกล้เคียงกันอยู่หลายคำเช่น Distance Learning (การเรียนทางไกล) Computer based training (การฝึกอบรมโดยอาศัยคอมพิวเตอร์ หรือเรียกย่อๆว่า CBT) online learning (การเรียนทางอินเตอร์เนต) เป็นต้น ดังนั้น สรุปได้ว่า ความหมายของ e-Learning คือ รูปแบบของการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยอาศัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือสื่ออิเลคทรอนิกส์ในการถ่ายทอดเรื่องราว และเนื้อหา โดยสามารถมีสื่อในการนำเสนอบทเรียนได้ตั้งแต่ 1 สื่อขึ้นไป และการเรียนการสอนนั้นสามารถที่จะอยู่ในรูปของการสอนทางเดียว หรือการสอนแบบปฎิสัมพันธ์ได้

8.e-sourcing E-Sourcing การขอให้ผู้ค้าเสนอราคาและเงื่อนไข (e-RFP (Request for Proposal) /e-RFQ (Request for Quotation)) การประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction)

9.ASCIIเดิมการแทนรหัสฐานสองด้วยพยัญชนะในภาษาต่างๆเป็นการกำหนดกันเอง ขึ้นอยู่กับว่า ใครพัฒนาขึ้นมาทำให้การส่งผ่านข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างชนิดไม่สามารถส่งผ่านกัน ได้เพราะใช้รหัสในเลขฐานสองไม่เหมือนกัน ดังนั้นเพื่อที่จะให้สื่อสารกันได้ จึงจำเป็นต้องมีการ กำหนดมาตรฐานของรหัสขึ้น สำหรับภาษาอังกฤษ เรียกว่า รหัสแอสกี้ (American Standard Code Interchange,ASCII)รหัสที่เป็นมาตรฐาน คือ รหัส ASCIIAmerican Standard Code For Information Interchange (ASCII) อ่านว่า แอส-กี้ เป็นรหัสที่พัฒนาขึ้นโดยสถาบันมาตรฐานแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (American National Standard Institute: ANSI อ่านว่า แอน-ซาย) เรียกว่า ASCII Code ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป รหัสนี้ได้มาจากรหัสขององค์กรมาตรฐานระหว่างประเทศ (International Standardization Organization: ISO) ขนาด 7 บิท ซึ่งสามารถสร้างรหัสที่แตกต่างกันได้ถึง 128 รหัส (ตั้งแต่ 000 0000 ถึง 111 1111) โดยกำหนดให้ 32 รหัสแรกเป็น 000 0000 ถึง 001 1111 ทำหน้าที่เป็นสั่งควบคุม เช่น รหัส 000 1010 แทนการเลื่อนบรรทัด (Line Feed)ในเครื่องพิมพ์ เป็นต้น และอีก 96 รหัสถัดไป (32-95) ใช้แทนอักษรและสัญลักษณ์พิเศษอื่นรหัส ASCII ใช้วิธีการกำหนดการแทนรหัสเป็นเลขฐานสิบ ทำให้ง่ายต่อการจำและใช้งาน


10.BIOSBIOS คือ Basic Input/Output Systemอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ทุกชนิดที่เป็น ฮาร์ดแวร์ จะสามารถทำงานได้โดยต้องมี ซอฟท์แวร์ ประกอบด้วย สำหรับ BIOS (Basic Input/Out System) นี้จะเป็นที่เก็บ ซอฟท์แวร์ ขนาดเล็ก ๆ ไว้ในชิป ROM (เป็นแบบ EPROM : Erasable Programmable Read-Only Memory) เพื่อใช้สำหรับทำการบูทเครื่องคอมพิวเตอร์จากแผ่น floppy disks (FDD) หรือจาก hard disks (HDD) โดยที่ BIOS จะทำหน้าที่ต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการ POST (Power-On Self Test) ก่อนที่จะเรียกใช้ ซอฟท์แวร์ ที่เป็น Operating System เช่น DOS หรือ Windows จาก FDD หรือ HDD เพื่อทำการเริ่มต้นเครื่องคอมพิวเตอร์ ให้สามารถทำงานได้ต่อไป นอกจากนี้ BIOS ยังเป็นตัวกำหนดค่าต่าง ๆ ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยจะควบคุม การทำงานของ Keyboard, ควบคุมการทำงานของ Serial Port, Parallel Port, Video Card, Sound Card, HDD Controller และอื่น ๆ ในบางครั้ง เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า ๆ เมื่อมี อุปกรณ์ใหม่ ๆ เพิ่มเติมเข้ามาหาก BIOS ไม่สามารถรู้จักและใช้งานได้ จำเป็นต้องมีการแก้ไข โปรแกรมหรือซอฟท์แวร์ที่บรรจุใน BIOS ให้รู้จักกับอุปกรณ์ใหม่ ๆ นั้นด้วยที่เรียกกันว่า Flash BIOS นั่นเอง สำหรับปัจจุบันนี้ BIOS จะเก็บไว้ใน EPROM ซึ่งเป็นหน่วยความจำชนิดหนึ่ง ที่ปกติจะใช้สำหรับอ่านได้อย่างเดียว (ส่วนใหญ่จะเป็นไอซีตัวสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ อยู่บนเมนบอร์ด) โดยที่เราสามารถทำการ ลบข้อมูลและโปรแกรมข้อมูล ลงไปใหม่ได้โดยใช้ซอฟท์แวร์ที่ออกแบบ มาโดยเฉพาะสำหรับการ Flash BIOS นั้น ๆ ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับชนิดของ BIOS EPROM และเมนบอร์ดด้วยนะครับว่าสามารถ Flash ได้หรือเปล่าโดยวิธีการง่าย ๆ คือตรวจสอบจาก เวปไซต์ของผู้ผลิดเมนบอร์ดนั้น ๆ (โดยส่วนใหญ่แล้ว เมนบอร์ดสำหรับ Pentium ขึ้นไปส่วนใหญ่ จะทำการ Flash ได้แล้ว) โดยปกติแล้ว อุปกรณ์ต่าง ๆ จะมีการตั้งค่า Configuration ที่แตกต่างออกไปได้ ซึ่งค่าเหล่านี้จะถูก BIOS เก็บไว้ในส่วนของ CMOS RAM ประมาณ 64 Bytes ซึ่ง CMOS นี้จะต้องมีการจ่ายไฟเลี้ยงอยู่ตลอดเวลาจาก แบตเตอรี่ เพื่อให้ค่าที่ตั้งไว้ไม่ หายไปเมื่อปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งในส่วนของ CMOS นี้จะเป็นเทคโนโลยีที่มีการใช้พลังงาน น้อยมาก ดังนั้นจึงสามารถใช้งานได้นานโดยไม่ต้องคอยเปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อย ๆ เพื่อให้ได้ ประสิทธิภาพสูงสุดของการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ จำเป็นต้องทำการตั้งค่าต่าง ๆ ใน BIOS ให้เหมาะสมเช่น ค่าความเร็วของการอ่านข้อมูลจาก Memory การตั้ง Enabled หรือ Disabled อุปกรณ์ต่าง ๆ, ความเร็วของ PCI BUS, ชนิดของ Floppy Disk หรือ Hard Disk ที่ใช้งาน, อุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ เช่น SCSI และอื่น ๆ อีกมากมายที่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ BIOS ที่มีใช้งานอยู่ส่วนใหญ่จะมีอยู่ 2 บริษัทคือของ AMI BIOS (American Megatrends Inc) และ AWARD (ปัจจุบันรวมเข้ากับ Phoenix Technologies, Ltd. แล้ว) นอกจากนี้ก็จะมี BIOS ที่เป็นของแบนด์เนมต่าง ๆ เช่น COMPAQ หรือ IBM ซึ่งจะมีหน้าตา และวิธีการตั้งค่าแตกต่างออกไปด้วย สรุปว่า BIOS มีความสำคัญมากในระบบคอมพิวเตอร์ ถ้าไม่มี BIOS เราก็ไม่สามารถเปิด เครื่องคอมพิวเตอร์ได้

11.RAMRAM ย่อมาจากคำว่า Random-Access Memory เป็นหน่วยความจำของระบบ มีหน้าที่รับข้อมูลเพื่อส่งไปให้ CPU ประมวลผลจะต้องมีไฟเข้า Module ของ RAM ตลอดเวลา ซึ่งจะเป็น chip ที่เป็น IC ตัวเล็กๆ ถูก pack อยู่บนแผงวงจร หรือ Circuit Board เป็น module เทคโนโลยีของหน่วยความจำมีหลักการที่แตกแยกกันอย่างชัดเจน 2 เทคโนโลยี คือหน่วยความจำแบบ DDR หรือ Double Data Rate (DDR-SDRAM, DDR-SGRAM) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่องมาจากเทคโนโลยีของหน่วยความจำแบบ SDRAM และ SGRAM และอีกหนึ่งคือหน่วยความจำแบบ Rambus ซึ่งเป็นหน่วยความจำที่มีแนวคิดบางส่วนต่างออกไปจากแบบอื่น

12.ROMROM: ROM เป็นคำย่อมาจาก “Read-Only Memory” ซึ่งหมายถึงหน่วยความจำที่ใช้อ่านได้อย่างเดียว เป็น memory chip ที่ทำหน้าที่เก็บแอปปลิเคชั่นและข้อมูลเป็นการถาวร และไม่ต้องใช้กระแสไฟฟ้าไปเลี้ยงระบบ ซึ่งแอปปลิเคชั่นและข้อมูลจะถูกเขียนหรือ burned เข้าไปในชิป โดยบริษัทผู้ผลิต ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่อยู่ในชิปได้ ถึงได้เรียกว่าอ่านอย่างเดียว (read-only)ส่วนของ ROM นี้ เป็นสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับคอมพิวเตอร์มือถือ (handheld computing) เพราะว่าคอมพิวเตอร์ขนาดฝ่ามือเหล่านี้ส่วนใหญ่ จำเป็นจะต้องบรรจุโปรแกรมของระบบการปฏิบัติการ (OS: operating system) และแอปปลิเคชั่นบางอย่างไว้ใน ROM และจะถูกเรียกใช้ทันทีที่เปิดเครื่อง แต่ปัญหาของการอัพเกรดระบบในส่วนของ OS ที่อยู่บน ROM สำหรับผู้ใช้นั้นจะทำได้ยากในช่วงเริ่มแรกของคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่เรียกว่า PDA (Personal Digital Assistant) ในตระกูล Palm Pilots ได้แก่ Handspring, Visors และ Compaq’s Aero Palm-size PC จะมี OS อยู่บน ROM และไม่สามารถอัพเกรด ROM ได้ปัจจุบัน บริษัทผู้ผลิต PDA ส่วนใหญ่ ได้นำ “Flash Memory” ROM chips มาใช้แทน ROM เดิม โดยผู้คิดค้น flash ROM คือบริษัทToshiba ทั้งนี้ flash ROM จะเหมือนกับ ROM ทั่ว ๆ ไป คือข้อมูลที่บรรจุอยู่ใน flash ROM จะไม่หายไปเมื่อปิดเครื่องหรือไม่มีกระแสไฟมาเลี้ยง แต่สามารถถูกเขียนซ้ำได้ ไม่ใช่ ROM ที่อ่านได้อย่างเดียวอีกต่อไปPalm เป็นผู้ผลิต PDA รายแรกที่นำ flash ROM มาใช้กับเครื่องปาล์มของตน โดยเริ่มใช้ครั้งแรกกับปาล์มรุ่น Palm III และใน 3 ปีถัดมา ทาง Compaq ก็ได้นำมาใช้กับพ็อคเก็ตพีซี iPAQ ของตนบ้าง จนกระทั่งปัจจุบัน PDA ส่วนใหญ่จะมีหน่วยความจำหลักเป็น flash ROM แต่ก็ยังมีการใช้ ROM แบบเดิมอยู่บ้างในบางรุ่น เนื่องจากราคาของ flash ROM ยังแพงกว่า ROM ธรรมดา

13.multitasking ระบบปฏิบัติการที่มีความสามารถในการทำงานหลายงานพร้อมพกันได้ เรียกว่า การทำ มัลติทาส์กกิ่ง (multitasking) การกล่าวว่าทำงานหลายงานหรือหลายโปรแกรมพร้อมกันนั้น ไม่ได้หมายความว่าแต่ละโปรแกรมทำงานพร้อมกันไปตลอด แต่โปรแกรมเหล่านั้นจะผลัดกันใช้หน่วยประมวลผลกลาง เช่น โปรแกรมที่1 ใช้หน่วยประมวลผลกลางในขณะนี้โปรแกรมที่ 2 ทำงานพิมพ์ แต่ผู้ใช้เข้าใจว่าโปรแกรมของตนเองนั้นได้รับการประมวลผลจากหน่วยประมวลผลกลางอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เนื่องจากคอมพิวเตอร์ทำงานได้เร็วมากระบบมัลติทาส์กกิ่ง สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือcooperative multitasking จะเป็นระบบที่แต่ละโปรแกรมสามารถควบคุมซีพียูนานเท่าใดก็ได้จนกว่าจะเห็นสมควรปล่อยซีพียูให้โปรแกรมอื่นใช้งานบ้าง จึงเปลี่ยนให้โปรแกรมอื่นทำการควบคุมซีพียูต่อไป ระบบที่ทำงานแบบนี้จะมีปัญหาค่อนข้างมาก เนื่องจากโปแรแกรมบางโปรแกรมอาจไม่ยอมคืนซีพียูให้แก่ระบบ ทำให้ไม่สามารถทำงานอื่นไปพร้อม ๆ กันได้ preemtive multitasking ระบบปฏิบัติการจะควบคุมการทำงานของซีพียูโดยตรง และทำการแบ่งเวลา (time slices) ให้แต่บละโปรแกรมตามความเหมาะสม โดยที่จะไม่มีโปรแกรมใดควบคุมซีพียูไว้แต่ผู้เดียว เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงและได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน

14.Inkjetระบบ Inkjet เป็นเครื่องอัดขยายภาพที่ใช้ความร้อนทำให้หมึกเกิดแรงดันและพ่นออกมา (เปรียบเทียบได้กับการต้มน้ำ) เครื่อง Inkjet มีราคาถูก ทำให้เป็นที่นิยมกันมาก ใช้ในการพิมพ์เอกสาร พิมพ์ภาพ พิมพ์งานต่างๆ ได้มากมาย ข้อเสียของระบบ Inkjet คือ ความคมชัดและการไล่ระดับโทนสีไม่ดีนัก ราคาหมึกค่อนข้างแพง หัวพิมพ์ตันบ่อยกระดาษที่ใช้กับหมึก Inkjet โดยเฉพาะจะมีราคาสูง ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยสูง คุมสียาก และช้า เหมาะกับการอัดขยายภาพจำนวนน้อยๆ และต้องการความสะดวก สามารถพิมพ์เองได้ที่บ้านมากกว่าการพิมพ์ภาพจำนวนมากๆ หรือภาพที่ต้องการคุณภาพสูงมากๆเครื่อง Inkjet รุ่นใหม่ๆ จะมีระบบควบคุมสี ใช้หมึกประมาณ 6 สี มีความละเอียดสูงมาก สามารถพิมพ์ภาพคุณภาพสูงได้ แต่ต้องใช้กระดาษและหมึกเฉพาะ และต้นทุนต่อหน่วยสูง


15.Dot Metrixเป็นเครื่องพิมพ์ขนาดเล็ก มีราคาถูก คุณภาพอยู่ในเกณฑ์ดี ใช้งานได้ทั่วไป และที่เรียกว่าเครื่องพิมพ์แบบจุดเนื่องรูปลักษณะตัวอักษรที่พิมพ์ออกมาจะเป็นจุดเล็ก ๆ อยู่ในกรอบ เช่น ตัวอักษรที่มีความละเอียดในแนวทางสูงของตัวอักษร 24 จุด และความกว้างแต่ละตัวอักษร 12 จุด ขนาดแมทริกซ์ของตัวอักษรจะมีขนาด 24X12 จุด

16.Laser Printerเครื่องพิมพ์เลเซอร์หมายถึง เครื่องพิมพ์แบบหนึ่งที่ใช้ลำแสงเลเซอร์ในการสร้างภาพและถ่ายทอดลงสู่กระดาษด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (ทำงานคล้ายเครื่องถ่ายเอกสาร) ความ เร็วของเครื่องพิมพ์เลเซอร์นั้นวัดกันเป็นหน้าต่อนาที (ppm) เช่น 10 หน้าต่อนาที เป็นต้น (เพราะพิมพ์ครั้งละหนึ่งหน้า) ส่วนคุณภาพของการพิมพ์นั้น วัดเป็นจุดต่อนิ้ว (dpi) เช่น 600 จุดต่อ 1 นิ้ว ยิ่งมีจุดมาก แสดงว่ามีความละเอียดมาก ภาพจะคมชัดกว่าภาพที่มีจุดน้อยหรือมีความละเอียดน้อย

17.search engineSearch Engine หมายถึง โปรแกรมบน อินเทอร์เน็ตที่ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โดยที่ผู้ใช้งานเพียงแต่ทราบหัวข้อที่ต้องการค้นหาแล้วป้อนคำหรือข้อความของหัวข้อนั้นๆ ลงไปในช่องที่กำหนด คลิกปุ่ม"ค้นหา"เท่านั้น แล้วรอสักครู่ข้อมูลอย่างย่อๆ และรายชื่อเว็บไซต์ ที่เกี่ยวข้องจะปรากฏให้ผู้ใช้สามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ทันทีเมื่อมีการใช้บริการของ Search Engine นั้น ผู้ใช้ไม่ได้ทำการค้นเว็บไซต์ทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกโดยตรง เป็นเพียงการค้นหาข้อมูลจากฐาน ข้อมูลที่ผู้จัดทำ Search Engine นั้นๆ ได้ทำการ เก็บรวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับเว็บไซต์ต่างๆ เอาไว้ แต่เนื่องจากว่าไม่มีฐานข้อมูลของผู้จัดทำ Search Engine แห่งใดเลยที่สามารถรวบรวมเว็บไซต์ต่างๆ ทั่วโลกได้ อีกทั้งแต่ละแห่งมีวิธีการและการจัดเก็บฐานข้อมูลที่แตกต่างกันไป ดังนั้นเมื่อใช้ Search Engine ต่างกัน ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่เหมือนกัน

18.web brownserเป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่หลักๆ คือ นำเอกสารที่อยู่ในรูปแบบ HTML มาแสดงผลเป็นเว็บเพจให้ผู้ใช้ดู ตัวอย่างของโปรแกรมประเภทนี้ได้แก่ Opera, Netscape Navigator/Communicator, Microsoft Internet Explorer เป็นต้น

No comments: