Thursday, February 26, 2009

โดเมนเนม

1.โดเมนคืออะไรชื่อโดเมน หรือ โดเมนเนม (domain name) หมายถึง ชื่อที่ใช้ระบุลงในคอมพิวเตอร์ (เช่น เป็นส่วนหนึ่งของที่อยู่เว็บไซต์ หรืออีเมล์แอดเดรส) เพื่อไปค้นหาในระบบ โดเมนเนมซีสเทม เพื่อระบุถึง ไอพีแอดเดรส ของชื่อนั้นๆ เป็นชื่อที่ผู้จดทะเบียนระบุให้กับผู้ใช้เพื่อเข้ามายังเว็บไซต์ของตน บางครั้ง เราอาจจะใช้ "ที่อยู่เว็บไซต์" แทนก็ได้โดเมนเนม หรือ ชื่อโดเมน เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ เนื่องจากไอพีแอดเดรสนั้นจดจำได้ยากกว่า และเมื่อการเปลี่ยนแปลงไอพีแอดเดรส ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องรับรู้หรือจดจำไอพีแอดเดรสใหม่ ยังคงใช้โดเมนเนมเดิมได้ต่อไปอักขระที่จะใช้ในการตั้งชื่อโดเมนเนม ได้แก่ ตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตัวเลข และ "-" (ยัติภังค์) คั่นด้วย "." (มหัพภาค) โดยปกติ จะขึ้นต้นด้วยตัวอักษร และลงท้ายด้วยตัวอักษรหรือตัวเลข มีความยาวตั้งแต่ 1 ถึง 63 ตัวอักษร ตัวอักษรตัวใหญ่ A-Z หรือตัวอักษรตัวเล็ก ถือว่าเหมือนกัน1 ไอพีแอดเดรส สามารถใช้โดเมนเนมได้มากกว่า 1 โดเมนเนม และหลายๆ โดเมนเนมอาจจะใช้ไอพีแอดเดรสเดียวกันได้ตัวอย่างตัวอย่างต่อไปนี้ แสดงถึงความแตกต่างระหว่าง ยูอาร์แอล (URL) โดเมนเนม และ ซับโดเมนยูอาร์แอล: http://www.example.com/โดเมนเนม: example.com ซับโดเมน : subdomain.example.comโดยทั่วไป ไอพีแอดเดรสกับชื่อเซิร์ฟเวอร์มักจะแปลงกลับไปมาได้ 1 ไอพีแอดเดรสมักหมายถึง 1 ชื่อเซิร์ฟเวอร์ แต่ปัจจุบัน ความสนใจในเรื่องเว็บ ทำให้จำนวนเว็บไซต์มีมากกว่าเซิร์ฟเวอร์ โปรโตคอล HTTP จึงระบุว่าไคลเอนต์จะเป็นผู้บอกเซิร์ฟเวอร์ว่าชื่อใดที่ต้องการใช้ วิธีนี้ 1 เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ 1 ไอพีแอดเดรสจะใช้โดเมนเนมได้หลายชื่อยกตัวอย่าง เซิร์ฟเวอร์ที่มีไอพี 192.0.34.166 อาจจะใช้งานโดเมนเนมเหล่านี้ได้:example1.comexample2.netexample3.orgเมื่่อมีคำร้องขอ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับชื่อโฮสต์ก็จะถูกร้องขอเช่นกัน เพื่อส่งไปยังผู้ใช้ความเป็นมาของโดเมนเนม ( Domain name) ............ อินเทอร์เน็ต (Internat ) เริ่มต้นมาจากโครงการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการศึกษาและระบบเครือข่ายที่รู้จักกันดีในนามของโครงการ “ARPANET” ซึ่งระบบที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้งานตรงนี้ก็คือ TCP/IP (Transmission Control Protocal/Internet Protocol) โดยใช้ระบบปฏิบัติการ IUNIX ซึ่งช่วยให้การเชื่อมโยงสื่อสารผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้รับความสนใจจากคนทั่วโลก ในระยะแรก การใช้งานในอินเทอร์เน็ตไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไรนัก เพราะเครื่องที่อยู่ในเครือข่ายมีไม่มาก แต่ต่อมาเมื่อมีคนสนใจและมีเครือข่ายการใช้งานที่กว้างมากขึ้น ก็เลยทำให้เกิดความต้องการในการใช้ชื่อที่ง่ายและไม่ซับซ้อน จำง่าย แทนที่จะใช้ในลักษณะของ IP Address ซึ่งเป็นชุดตัวเลขที่ใช้อยู่ซึ่งทำให้เกิดการศึกษาและค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องของ “Name Server” ขึ้นมาครั้งแรก ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องรู้จัก และนี่ก็คือต้นกำเนิดของการใช้โดเมนเนมในปัจจุบันและหลังจากนั้นไม่นาน Domain Name System (DNS) ชุดแรกที่ถูกนำออกมาให้ทุกคนได้ใช้งานมีอยู่ด้วยกัน 5 แบบ โดยเราสามารถแยกความแตกต่างของโดเมนเนมได้จากตัวอักษรที่ต่อจากชื่อ เช่น www. « « « .com หรือ www. « « « .net หรือ www. « « « .org ระยะแรกนี้การจดโดเมนเนมจะทำได้โดยไม่ต้องเสียเงิน โดยมี IANA เป็นผู้ดูแล แต่ระยะหลังเมื่อทาง IANA และ NSF (National Science Foundation) ได้ร่วมกันจัดตั้ง InterNIC ขึ้นมา เริ่มมีการคิดค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนตามมา 100 USD ใน 2 ปีแรกของระยะแรกและลดลงมาเป็น 70 USD โดยมี ICANN หรือ Internet Corporation for Assigned Names and Numbers ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นมา จากความร่วมมือของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งหลายในการเป็นผู้คอยดูแลและจัดการเรื่องเกี่ยวกับโดเมนเนม การจัดการเรื่องของ IP Address การดูแลโปรโตรคอลและรวมไปถึงการจัดการเกี่ยวกับ Server System ด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้น ยุคแรกๆ ของโดเมนเนมน้นมีการกำหนดสกุลไม่มากนัก ต่อมาปัจจุบัน หลังจาที่มีการยึดครองโดเมนเนมหลักๆ ไปเป็นของ Internic.net อย่างเดียวแล้ว ก็เกิดการฟ้องร้องกันระหว่างรัฐกับบริษัท Netword Solution จำกัด ว่าใครจะได้เป็นเจ้าของโดเมนเนม ซึ่งผลได้ประกาศออกมากลางเดือนมีนาคม 2542 ว่า “ ให้บริษัทใดก็ได้สามารถบริหารชื่อเป็นของตัวเองได้” ดังนั้นจึงทำให้เกิดโดเมนเนมใหม่ๆ ขึ้นมาหลังจากนั้นอีกมากมาย เช่น . shop ฯลฯ เป็นต้น และนอกจากนี้มีการจดทะเบียนโดเมนเนมไว้ทั้งหมดทั่วโลก ประมาณ 19 ล้าน ชื่อในอินเทอร์เน็ต หรือประมาณ 40,000 ชื่อในแต่ละวัน ทางบริษัท Netword Solution จำกัด ได้เปลี่ยนโฮมเพจของตัวเองไปที่โดเมนใหม่คือ http://www.networdsolution.com/ ด้วย สำหรับในประเทศไทยนั้น ได้มีการจดโดเมนเนมไปยังองค์กรจดโดเมนโลกให้ .th ( Thailand) เป็นของประเทศไทย โดยมีการนำเงินไปวางเป็นมัดจำจำนวนหนึ่ง ซึ่งในตอนแรกให้ศูนย์คอมพิวเตอร์จุฬาลงกรณ์เป็นผู้ดูแล ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงให้ AIT หรือ Asian of Institute Technology เป็นผู้เข้ามาดูแลแทน สรุปได้ว่า ในปัจจุบันในประเทศของเราได้จดทะเบียนกับสถาบันเอไอทีเริ่มเป็นผู้จดทะเบียนโดเมนเนม ( domain name) “.th” ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยและรับหน้าที่ในการดูแลการจดทะเบียนโดเมนเนมสัญชาติไทยตลอดมา จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ภายใต้ชื่อหน่วยงานว่า “ ไทยนิก” หรือทีเอชนิก (THNIC)ในการจดโดเมนเนมสกุล .co.th นั้น มีข้อจำกัดเกี่ยวกับเรื่องของสิทธิ์โดยที่ผู้ขอจดนั้นต้องมีเอกสารหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทจากกระทรวงพานิชย์ (ภพ.20) มายื่นขอด้วยแต่ในปัจจุบันเงื่อนไขดังกล่าวของการจดโดเมนเนม . co.th ถูกยกเลิกไป เมื่อมีการเริ่มคิดค่าใช้จ่ายสำหรับการขอจดโดเมนเนมใหม่สัญชาติไทย ชื่อละ 1,500 บาท ต่อปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2542 และคิดอัตราการต่ออายุโดเมนเนมประมาณ 800 บาทต่อปี 2.ตัวอย่างส่วนขยายท้ายสุด .com ย่อมาจาก commercial หมายถึง การค้า บริษัท องค์กร.net ย่อมาจาก network หมายถึง เครือข่าย.org ย่อมาจาก organization หมายถึง องค์กรไม่หวังผลกำไร.biz ย่อมาจาก business หมายถึง องค์กร บริษัท ห้างหุ้นส่วน คล้ายกับ.com.info ย่อมาจาก information หมายถึง ข้อมูลสารสนเทศ.us ย่อมาจาก united states หมายถึง ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะต้องมีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศนี้ด้วย.co.th ย่อมาจาก commercial in Thailand หมายถึง บริษัทหรือองค์กรที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย.ac.th ย่อมาจาก academic in Thailand หมายถึง โรงเรียน มหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย.or.th ย่อมาจาก organization in Thailand หมายถึง องค์กรไม่หวังผลกำไรที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย.in.th ย่อมาจาก individual in Thailand หมายถึง บุคคลทั่วไปที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย.net.th ย่อมาจาก network in Thailand หมายถึง หน่วยงาน/องค์กรทำธุรกิจด้านเครือข่ายที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย3.วิธีการจดโดเมนเนม "ด้วยตัวเอง"เว็บมาสเตอร์มือใหม่คงจะสงสัยว่า ทำอย่างไรนะ..เราถึงจะได้ .com มาต่อท้ายชื่อเว็บของเราการที่จะมีเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ตได้ สิ่งที่เราจะต้องจ่ายมีสองส่วนครับ คือ Domain Name และ Hosting เป็นสิ่งที่คู่กันขาดไม่ได้ครับDomain Name : นี่คือชื่อเว็บที่เราจดทะเบียนไว้เท่านั้นครับ ค่าใช้จ่ายปัจจุบันประมาณ 4 ร้อยขึ้นไปต่อปีครับ เมื่อเราจดโดเมนเนมแล้ว เราจะเป็นจะต้องเช่าเว็บโฮสต์ติ้ง (Hosting) เพื่อเก็บไฟล์หน้าเว็บของเราด้วยครับ..เป็นสิ่งคู่กันครับ Hosting : คือบริษัทรับเก็บไฟล์ต่างๆของเรา อัตราการคิดค่าบริการ จะขึ้นอยู่กับ Plan ที่เราเลือกใช้ครับ เช่น Beginner Plan : (เหมาะสำหรับเว็บที่คนยังเข้าน้อยๆ) เป็นต้นครับ สำหรับคนพึ่งเปิดเว็บ Plan นี้เหมาะที่สุดครับเนื่องจากราคาถูก หลังจากเว็บเราเริ่มดังขึ้น คนเข้าเฉลี่ยต่อวันมากขึ้น เราค่อยขยายไปเช่า Plan อื่นต่อไปครับ ส่วนมาก Hosting จะคิดเป็นรายเดือนครับ ประมาณเดือนละ 300 บาท ดังนั้นหากคิดจะจด .com จริงๆ คุณต้องพร้อมเรื่องค่าใช้จ่ายครับ.. และอย่าคาดหวังรายได้จากการโฆษณา Banner ครับ เพราะกว่าจะมีคนมาลงโฆษณาเราก็เสียเงินเองไปไม่น้อยครับ และถ้าโชคไม่ดีไม่มีคนมาลงโฆษณาเพราะเว็บเราคนเข้าน้อย เราก็จะเป็นฝ่ายเสียอย่างเดียวครับ (ยกเว้นว่าถ้าเราทำไปแล้วมีความสุข ก็อีกเรื่องครับ) โฮสต์เช่า (Web Hosting) ข้อแตกต่างระหว่างโฮสต์ฟรี กับโฮสต์เช่าก็คือคุณภาพนั่นเองครับ สำหรับโฮสต์ฟรีนั้นเปรียบเสมือนของทดลองใช้ เหมาะกับคนพึ่งหัดทำเว็บหรือเป็นเว็บที่ยังไม่ค่อยน่าสนใจ คนเข้าน้อยๆ... เพราะโดยส่วนมากโฮสต์ฟรีจะรองรับคนเข้ามาได้แค่เดือนละไม่กี่พันคนเท่านั้นเอง disk space ส่วนมากแล้วโฮสต์ฟรีจะให้พื้นที่เก็บไฟล์ไม่กี่สิบเมกกะไบต์
4. หลักที่ใช้ในการตั้งชื่อโดเมนเนม
1.ความยาวของชื่อ ตั้งได้ไม่เกิน 67 ตัวอักษร2.สามารถใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษผสมกับตัวเลข หรือเครื่องหมายขีด (-) ได้3.ตัวอักษรภาษาอังกฤษ ใช้ตัวเล็กหรือตัวใหญ่ก็ได้4.ห้ามใช้เครื่องหมายขีด (-) นำหน้าชื่อ domain name5.ห้ามเว้นวรรคในชื่อ domain name

No comments: